โรคเส้นเลือดแดงของจอประสาทตาอุดตัน
Central retinal artery occlusion ( CRAO )
Branch retinal artery occlusion ( BRAO )

**ผู้ป่วยที่ตามืดดับทันทีจากโรคนี้ ให้รีบมารักษาด้วยนวัตกรรมการนวดตาโดยด่วน ยิ่งมารักษาเร็วเท่าไร การมองเห็นยิ่งกลับมาใกล้เคียงเดิมเท่านั้น อย่าไปเสียเวลากับการตรวจหาสาเหตุของโรคนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และไม่มีผลต่อการรักษาใดๆทั้งสิ้น**

Ending Blindness
จบสิ้นเสียทีโรคที่ทำให้คนตาบอด

โดย นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย
วันที่ 4 มิถุนายน 2555
ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6



เทคนิคการนวดตาเพิ่มการไหลเวียนเลือดเข้าไปในลูกตาได้อย่างไร

คำบอกเล่าผู้ป่วยโรค CRAO รายที่ 1


                ปี ค.ศ. 1859 Van Graefe เป็นคนแรกที่พบโรคเส้นเลือดแดงจอตาอุดตันโดยเชื่อว่ามีสาเหตุจากก้อน emboli ไปอุดเส้นเลือดแดง ในปี ค.ศ.1868 Mauthner คิดว่าสาเหตุการอุดตันน่าจะเกิดจากการหดเกร็งของเส้นเลือดแดงเอง จวบจนปัจจุบัน จักษุแพทย์ยังคงไม่ทราบว่าโรคนี้เกิดได้อย่างไร? และจะรักษาผู้ป่วยอย่างไร?
อาการ ตามืดบอดของสายตาข้างนั้นอย่างเฉียบพลัน จากภาวะขาดเลือดแดงเข้าไปหล่อเลี้ยงจอประสาทตา

สาเหตุและกลไกการเกิดโรค ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่จักษุแพทย์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเกิดจากก้อน emboli หลุดเข้าไปอุดเส้นเลือดแดง central retinal artery ที่เป็นเส้นเลือดหลักในการหล่อเลี้ยงจอประสาทตา ฉะนั้น การรักษาจึงใช้หลักการเดียวกับการรักษาภาวะเส้นเลือดตีบตันในสมอง คือการให้ยา Aspirin หรือ ยาละลายลิ่มเลือด หรือ ยาขยายหลอดเลือด ซึ่งปรากฎว่าไม่ได้ผลอย่างสิ้นเชิง ทุกวันนี้ ผู้ป่วยโรคนี้สิ้นสุดลงด้วยตาบอดถาวรทุกราย


รูปแสดง โรคแขนงเส้นเลือดแดงจอประสาทตาอุดตัน ( Branch retinal artery occlusion ) เห็นบริเวณที่ขาวซีดจากการขาดเลือดหล่อเลี้ยงอย่างเฉียบพลัน


รูปแสดง โรคเส้นเลือดแดงจอประสาทตาอุดตัน ( Central retinal artery occlusion ) เห็นจอประสาทตาซีดกว่าปกติ
และศูนย์กลางการมองเห็น ( Macula ) ที่กลางภาพ มีลักษณะเป็นดวงสีแดงเข้ม ( cherry red spot )



                จากการค้นพบเทคนิคการนวดตารักษาต้อหิน ทำให้ค้นพบต่อเนื่องถึงกลไกการควบคุมระบบไหลเวียนเลือดของแผ่น Lamina cribrosa ที่กระทำต่อ เส้นเลือดแดง Central retinal artery และเส้นเลือดดำ Central retinal vein ทำให้ห้วงเวลาที่ผ่านมา สามารถรักษาโรคเส้นเลือดดำของจอประสาทตาอุดตัน ( Central retinal vein occlusion )ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยให้รอดพ้นจากตาบอดมากว่า 10 รายแล้ว และยังได้ให้ความเห็นไปยังเพื่อนจักษุแพทย์ว่า การให้ยา Aspirin หรือ ยาละลายลิ่มเลือด นอกจากจะไม่ช่วยให้โรคเส้นเลือดดำจอประสาทตาอุดตันดีขึ้นแล้ว กลับทำให้โรคเลวลงเร็วจากภาวะเลือดออกมากขึ้น เพราะกลไกที่แท้จริงเกิดจากการรัดตัวของแผ่น Lamina cribrosa ที่กระทำต่อเส้นเลือดดำ ดังนั้น การนวดตาที่ไปช่วยยืดการรัดตัวของแผ่น Lamina cribrosa จึงไปแก้ที่ต้นเหตุของโรคและช่วยผู้ป่วยไม่ให้ตาบอดได้ ต่อมา ผมได้มีโอกาสพบผู้ป่วยโรคเส้นเลือดแดงจอประสาทตาอุดตัน จึงได้ใช้การนวดตารักษาผู้ป่วยที่มาขอร้องให้ช่วยเหลือ เนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้อยู่ในภาวะจนตรอกไร้ที่พึ่งแล้วทั้งสิ้น ปรากฏว่าได้ผลดีตามคาด เป็นการยืนยันทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่าง Lamina cribrosa และ เส้นเลือดแดง/เส้นเลือดดำของจอประสาทตา อย่างสมบูรณ์แล้ว (ดูกลไกการเกิดโรคของ CRVO) ผู้ป่วยทั้งหมดกลับมามองเห็นได้ปกติหรือเกือบปกติทุกราย ดังตัวอย่างผู้ป่วยดังต่อไปนี้

นายณรงค์ .........อายุ 63 ปี
         ประวัติ วันที่ 2 พ.ค. 2560 ตาขวามืดดับขณะอาบน้ำ ไปตรวจที่คลินิกตา แนะนำไปโรงพยาบาลรัฐย่านดอนเมือง ตรวจแล้วแนะนำให้ไปใช้สิทธิ์ประกันตนที่รพ.เอกชน ย่านประชาชื่น จักษุแพทย์บอกว่ามาช้าไป โรคนี้ต้องรักษาภายใน 24 ชั่วโมง จึงไปตรวจที่คลินิกศูนย์แพทย์.......ย่านพระรามเก้า จักษุแพทย์บอกว่ารักษาไม่ได้ และแนะนำให้กลับไปใช้สิทธิ์ ตรวจร่างกายและหัวใจเพื่อหาสาเหตุ จึงตระเวนไปตรวจรพ.วิภา.... จักษุแพทย์ก็ยืนยันว่ารักษาไม่ได้ และแนะนำให้ไปเข้า Hyperbaric chamber ที่รพ.สมิ..... จักษุแพทย์บอกว่า เป็นมา 9 วันแล้ว ไม่มีประโยชน์ในการรักษา แต่ผู้ป่วยยืนยันที่จะขอรักษา จึงทำการรักษาไป 9 วัน ระหว่างนั้น ก้ลองไปตรวจที่รพ.ตา ย่านอโศก จักษุแพทย์ก็ยังให้ความเห็นเหมือนเดิมคือรักษาไม่ได้
        วันที่ 22 พ.ค. 2560 20 วันหลังเกิดอาการ ระดับการมองเห็น ตาขวา Fc 2 feet ( นับนิ้วได้ที่ระยะ 2 ฟุตเท่านั้น ตาซ้าย 20/40-2 ตรวจจอประสาทตา พบว่า ขั้วประสาทตาซีดเหลือง cherry red spot ไม่ชัดเจนแล้ว ให้การวินิจฉัยเป็น เส้นเลือดแดงของจอประสาทตาตีบตัน ( CRAO ) ให้การรักษาโดย Steroid + ยาบำรุง + Aspirin + นวดตา
        วันที่ 31 พ.ค. 2560 1 สัปดาห์หลังการรักษา ระดับการมองเห็น ตาขวา 5/200 ( สมารถอ่านตัวเลขได้ที่ระยะ 5 ฟุต
        วันที่ 14 มิ.ย. 2560 3 สัปดาห์หลังการรักษา ระดับการมองเห็น ตาขวา 9/200 ( สมารถอ่านตัวเลขได้ที่ระยะ 9 ฟุต
        วันที่ 26 มิ.ย. 2560 5 สัปดาห์หลังการรักษา ระดับการมองเห็น ตาขวา 13/200 ( สมารถอ่านตัวเลขได้ที่ระยะ 13 ฟุต ตาซ้าย 20/20-1 ( ตาซ้ายก็เห็นดีขึ้นด้วย ) ผู้ป่วยพอใจกับการรักษาที่การมองเห็นดีขึ้นเป็นลำดับอย่างต่อเนื่อง
และมีแนวโน้มจะดีกว่านี้อีก

นางมาลี พัฒนศรี อายุ 68 ปี อาชีพ แม่บ้าน ภูมิลำเนา บางแค กทม. โทร. 081-7771560 02-4217190
         ประวัติ 3 วัน ก่อน ตาขวามองไม่เห็น จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พบว่าเป็นโรคเส้นเลือดแดงจอประสาทตาอุดตัน รักษาไม่ได้ จึงไปตรวจที่โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง ก็บอกว่ารักษาไม่ได้เช่นกัน จึงมาตรวจที่รพ.เอกชัย
        14/9/58 VA ตาขวานับนิ้วได้ที่ระยะ 2 ฟุต VA ตาซ้าย 20/100 ph 20/30-1
             ตรวจจอตา พบ cherry red spot
            เริ่มรักษาด้วย การนวดตา + steroid + aspirin
        28/9/58 VA ตาขวานับนิ้วได้ที่ระยะ 3 ฟุต
            ตรวจจอตา พบว่าไม่ซีดขาวแล้ว
        9/11/58 VA ตาขวานับนิ้วได้ที่ระยะ 4 ฟุต
        7/12/58 VA ตาขวา 20/100 ph 20/70+2 (อ่านตัวเลขได้ถึงแถว 3)
        14/3/59 VA ตาขวา 20/70-2 ph 20/50-2 (อ่านตัวเลขได้ถึงแถว 4)

นาย อุทิฐ ... อายุ 59 ปี ภูมิลำเนา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่มีโรคประจำตัว
        ประวัติ 1 สัปดาห์ก่อนมาโรงพยาบาล ตื่นนอนมาพบว่าตาขวามืดดับ จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคเส้นเลือดแดงของจอประสาทตาอุดตัน ( CRAO ) 2 วันผ่านไป อาการไม่ดีขึ้น จึงติดต่อจักษุแพทย์ที่เป็นเพื่อนที่ลากิจไปทำธุระที่กรุงเทพฯ เพื่อนจึงรีบกลับมาตรวจและให้การรักษาอยู่ 5 วัน มองเห็นด้านข้างเล็กน้อย เหมือนมองผ่านช่องเล็กๆเท่านั้น รอบๆยังดำมืดสนิท เพื่อนจึงเขียนใบส่งตัวเพื่อการรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช แต่ให้ข้อมูลว่า โรคนี้ยังไม่มีที่ไหนรักษาได้ และแนะนำให้ค้นดูข้อมูลการรักษาโรคนี้ที่โรงพยาบาลเอกชัย และให้รีบตัดสินใจ เพราะยิ่งช้า ยิ่งเสียโอกาสที่จะฟื้นการมองเห็น ผู้ป่วยจึงตัดสินใจเข้ารับการรักษาที่รพ.เอกชัยทันที 3 สัปดาห์ หลังการรักษา ตาขวามองเห็นโดยรอบหมดแล้ว ( ลานสายตากลับคืนได้หมด ) ความคมชัด อ่านตัวเลขแถวแรกได้ที่ 20 ฟุต
ภาพถ่ายจอประสาทตาก่อนและหลังการรักษา 3 สัปดาห์

ภาพก่อนรักษา
ภาพหลังการรักษา

1. นายพิศิษฐ์ ปริพัฒน์วงศกร อายุ 48 ปี

โทร. 081-8105563 , เบอร์โทร.ภรรยา 081-9376040
ผู้ป่วยมารับการตรวจหลังตามัวมา 1 วัน พบว่าเป็น Branch retinal artery occlusion
วันที่ 4 เมย. 2555 V.A.,LE 20/40-2 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
วันที่ 18 เมย. 2555 V.A.,LE 20/20-1 บริเวณรอยซีดขาวของจอประสาทตาจากหายหมดแล้ว
วันที่ 2 พค. 2555 V.A.,LE 20/20

2. นส.อารีรัตน์ พุ่มศิริอุดม โทร. 081-8448339
รพ.ศิริราช วินิจฉัย Central retinal artery occlusion และแจ้งผู้ป่วยว่าโรคนี้รักษาไม่ได้ หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยเทคนิคการนวดตา ผลการรักษา การมองเห็น V.A.จาก 20/200 ดีขึ้นเป็น 20/20 ในเวลา 3 เดือน

3.นายกมล นุอินทร์ อายุ 40 ปี อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว โทร.081-8089495
ประวัติ 10 วันก่อน มีอาการตาขวามืดดับไปทันทีในช่วงหัวค่ำ ขณะนั่งดูโทรทัศน์ วันรุ่งขึ้นอาการยังไม่ดีขึ้น จึงไปรับการตรวจที่รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต           จักษุแพทย์วินิจฉัยเป็นโรคเส้นเลือดแดงใหญ่จอประสาทตาอุดตัน และให้รับการรักษาโดยใช้อ๊อกซเจนในห้องอัดแรงดันสูง วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1 สัปดาห์           การมองเห็นดีขึ้นบ้าง และจักษุแพทย์ไม่มีการรักษามากกว่านี้
วันที่ 24 กรกฎาคม 2555  เข้ารับการรักษาด้วยการนวดตา ระดับการมองเห็นในวันแรก  ตาขวา Fc 1 ฟุต  ตาซ้าย 20/20
วันที่ 31 กรกฎาคม 2555   ผู้ป่วยแจ้งว่า แสงดูสว่างชึ้น แต่ยังพร่ามัวอยู่ ระดับการมองเห็นในวันนี้  ตาขวา Fc 1 ฟุต  ตาซ้าย 20/20
วันที่ 8 สิงหาคม 2555  ผู้ป่วยแจ้งว่า เห็นดีขึ้นทั้งตรงกลางและด้านข้าง ( ลานสายตา ) ระดับการมองเห็นในวันนี้  ตาขวา Fc 3 ฟุต  ตาซ้าย 20/20
วันที่ 14 สิงหาคม 2555  ผู้ป่วยแจ้งว่า เห็นดีขึ้นตามลำดับ ระดับการมองเห็นในวันนี้  ตาขวา 10/200   ตาซ้าย 20/20
วันที่ 21 สิงหาคม 2555  ผู้ป่วยแจ้งว่า เห็นดีขึ้นอีก ระดับการมองเห็นในวันนี้  ตาขวา 20/200   ตาซ้าย 20/20
วันที่ 21 กันยายน 2555 ผู้ป่วยแจ้งว่าลานสายตาเห็นหมดแล้วยกเว้นบริเวณศูนย์กลางการมองเห็นที่ยังมีฝ้าขาวบังอยู่

4.น.ส.กำไร อัศวาธิบดีกุล อายุ 49 ปี โทร. 02-4163591
ปัญหา ตาซ้ายมองเหมือนมีปื้นดำบดบังมา 3 วัน ประวัติการเจ็บป่วย 10ปีก่อน เคยมีอาการตาซ้ายมืดบอดสนิทประมาณ 1-2 ชั่วโมง ( Amaurosis fugax ) แล้วค่อยๆกลับมามองเห็นเอง ไม่กี่วันต่อมา ตื่นนอนขึ้นมา พบว่าตาซ้ายมืดบอดสนิทชั่วคราวอีก จึงไปตรวจที่รพ.จุฬาฯ จักษุแพทย์สงสัยเส้นเลือดแดงจอตาตีบ จึงให้ทานยา Baby aspirin วันละ 1 เม็ด ทุกวันมาตลอด 10 ปี
           1 เดือน ก่อน ไปทำศัลยกรรมตกแต่งเปลือกตาบนสองข้าง จึงหยุดยา aspirin 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด และ 1 สัปดาห์ หลังผ่าตัด จึงเกิดปัญหาตาซ้ายมัวขึ้นมาอีก
วันที่ 28 สิงหาคม 2555 ระดับการมองเห็น V.A. ตาขวา 20/20 ตาซ้าย 20/30 pinhole ไม่ดีขึ้น
           ผลการตรวจจอประสาทตา พบขั้วประสาทตามีรอยฝ่อต้อหินเรื้อรัง ด้านขวา 0.5 ด้านซ้าย 0.3 และที่จอประสาทตาพบรอยบวมเป็นหย่อมๆ และมีหย่อมหนึ่งอยู่ประชิดศูนย์กลางจอตา ( Macula )
           การวินิจฉัย ได้แจ้งผู้ป่วยว่า อาจจะเป็นการติดเชื้อที่จอตา ( Retinitis ) เช่นจากเชื้อวัณโรค แต่ที่คิดถึงมากที่สุดคือ ภาวะจอตาขาดเลือดและบวมน้ำเป็นหย่อมๆจากการขาดยา aspirin จึงเริ่มให้การรักษาด้วยการนวดตา
วันที่ 4 กันยายน 2555 การมองเห็นตาซ้ายดีขึ้น V.A. ตาขวา 20/20 ตาซ้าย 20/30 pinhole 20/20 ผู้ป่วยแจ้งว่า รอยปื้นเทาดำจางลงไปมาก ตรวจจอตาพบว่า รอยบวมยุบลงบ้างแล้ว
วันที่ 11 กันยายน 2555 การมองเห็นตาซ้ายดีขึ้นอีก V.A. ตาขวา 20/20 ตาซ้าย 20/20-2 ผู้ป่วยแจ้งว่า รอยปื้นเทาดำจางหายหมดแล้ว ตรวจจอตาพบว่า รอยบวมยุบราบลงเกือบปกติ แต่ยังเห็นรอยอยู่
วันที่ 25 กันยายน 2555 การมองเห็นตาซ้ายดีขึ้นอีก V.A. ตาขวา 20/20 ตาซ้าย 20/20-1 ผู้ป่วยแจ้งว่า การมองเห็นปกติดีแล้ว ตรวจจอตาพบว่า รอยบวมยุบลงราบสนิท แต่ยังเห็นรอยอยู่

รูปแสดงภาพถ่ายจอประสาทตา

รูปแสดง ลูกตาข้างขวาที่ถ่ายเมื่อ 28/8/2555


รูปแสดง ลูกตาข้างซ้ายที่ถ่ายเมื่อ 28/8/2555


รูปแสดง ลูกตาข้างซ้ายที่ถ่ายเมื่อ 4/9/2555


รูปแสดง ลูกตาข้างซ้ายที่ถ่ายเมื่อ 25/9/2555

5.นางสังข์ อุ๋ยสกุล อายุ 60 ปี อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา โทร. 084-7444093
ประวัติ ตาขวามืดบอดทันที ไปรักษากับจักษุแพทย์ที่ภูเก็ต ได้ยาฉีดเข้าในลูกตาวันละ 1 เข็ม 4 วันติดกัน อาการไม่ดีขึ้น
วันที่ 31 สิงหาคม 2555 ติดต่อเข้ารับการรักษาด้วยการนวดตา การมองเห็น ตาขวา เห็นนิ้วที่ระยะ 2 ฟุต
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2555 การมองเห็นดีขึ้นมาพอสมควรแล้ว อ่านตัวเลขแถวบนได้ ที่ระยะ 10 ฟุต
6.คุณสุจารี พนมวัน ณ อยุธยา อายุ 53 ปี บางใหญ่ จ.นนทบุรี โทร.089-4780543
ประวัติ
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ผู้ป่วยมาด้วยเรื่อง ตา 2 ข้างมืดดับ เป็นๆหายๆ มาตั้งแต่ปลายปี 2555 และล่าสุด ตาขวามืดดับถาวรมาครึ่งเดือน
จากการตรวจ ระดับการมองเห็น ตาขวา 5/200 ตาซ้าย 20/20-2
           ขั้วประสาทตาฝ่อ ทั้ง 2 ข้าง ตาขวา 0.65 ตาซ้าย 0.50
           จอตาขวา พบ Cherry red spot ซึ่งลักษณะจำเพาะของโรคเส้นเลือดแดงจอตาอุดตัน
           เริ่มให้การรักษาด้วยเทคนิคการนวดตา
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 ระดับการมองเห็น ตาขวา 20/200 ตาซ้าย 20/20-2
ประวัติการป่วยจากการบอกเล่าของผู้ป่วยรายนี้
          ต้นเดือนธันวาคม 2555 ช่วงเวลา 8.00-9.00 น. อาการที่เป็นโรคตาขวาดับทั้งดวง
เริ่มแรก นั่งรถไปทำงาน ระหว่างทางเกิดอาการตาขวาฝ้าทั้งดวง ประมาณ 1-5 วินาที เอามือขยี้ตา แล้วอาการนั้นก็หายไปเป็นปกติ พอถึงที่ทำงานก็เป็นอีก 2 ครั้ง ประมาณ 2 วินาทีก็หายไป ตอนเย็น เลิกงานได้ไปพบกับคุณหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง คุณหมอตรวจอย่างละเอียด และขยายม่านตาดู แต่ก็ไม่พบอะไร ตาเป็นปกติ คุณหมอก็ให้ยาหยอดตามาแค่เพียงอย่างเดียว และต่อมามีอาการเช่นเดิมอีก วันที่ 15-17 ธันวาคม 2555
          วันที่ 15 เป็นตอนเย็น 1 ครั้ง พอตอนเช้าวันที่ 16 ได้ไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง คุณหมอตรวจดูก็บอกว่าตาปกติ และได้ล้างท่อน้ำตา และให้ยาหยอดตาอีก ระหว่างทางกลับบ้าน เกิดอาการขึ้นอีก 2 ครั้ง ตาจะมืดทั้งดวงและค่อยๆสว่าง ประมาณ 1-2 วินาที และก็เป็นอีก
          วันที่ 17 ธันวาคม 2555 ก็ได้ไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 1 คุณหมอตรวจก็บอกว่าตาปกติ แต่ก็ได้นัดให้มาพบกับคุณหมอทางประสาทตา ในวันที่ 21 ธันวาคม 2555
          วันที่ 17 ธันวาคม 2555 เวลา 17.00 – 23.00 น. ตาขวามีอาการค่อยๆมืด และก็ค่อยๆสว่างเป็นเวลา 1-5 วินาที เป็นๆหายๆอยู่ 7-8 ครั้ง ครั้งสุดท้าย เป็นนานถึง 2 นาทีได้
          วันที่ 21 ธันวาคม 2555 ก็ได้ไปพบคุณหมอตามที่ได้นัดไว้ คุณหมอก็ได้ตรวจอย่างละเอียดมากๆ ถ่ายรูปลูกตา ตรวจลานตา ผลที่ออกมาคือ ดวงตาปกติ และได้รับยาแอสไพริน 80 มิลลิกรัมมารับประทาน และน้ำตาเทียม คุณหมอให้ไปตรวจเลือด และตรวจคลื่นหัวใจ ที่โรงพยาบาลประจำของคนไข้ ดังนั้น ในเวลานี้จึงทำการรักษาอยู่ทั้ง 2 โรงพยาบาล คุณหมอให้ echo หัวใจ และ ultrasound เส้นเลือดตรงคอ ซึ่งคิวยาวมาก จึงยังไม่ได้ตรวจ
          วันที่ 9 มกราคม 2556 เกิดอาการเช่นเดิมขึ้นอีก ครั้งนี้ เป็นที่ตาข้างซ้าย เวลา 11.00-12.00 น. ตาครึ่งดวงด้านบน ดับไปเป็นเวลา 1-5 วินาที ประมาณ 3 ครั้ง ในวันนั้นจึงไปพบคุณหมอโรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 1 อีก คุณหมอตรวจก็พบว่าปกติ และได้ให้ยาบำรุงประสาทตามา
          วันที่ 15 มกราคม 2556 ไปโรงพยาบาลตามที่คุณหมอนัด คุณหมอตรวจก็บอกว่าปกติ และให้ยาบำรุงประสาท น้ำตาเทียม และยาแอสไพริน 80 มิลลิกรัมและได้นัดให้มาตรวจอีกครั้ง
          วันที่ 26 มกราคม 2556 ช่วง 18.30-19.00 น. ก็เป็นอีก ครั้งนี้เป็นทั้งครึ่งบนและครึ่งล่างของข้างขวาสลับกัน เป็นเร็วมาและหายไป ช่วงตี 3 – ตี 5 เป็นอยู่ถึง 10 ครั้ง แต่ละครั้งเป็นประมาณ 1-5 วินาที ครั้งสุดท้าย เป็นตอนประมาณ ตี 5 ครึ่ง ครั้งนี้เป็นแล้วไม่หาย ดวงตาดับไปทั้งดวงจึงรีบไปโรงพยาบาลรัฐใกล้บ้านก่อน แต่คุณหมอก็บอกให้ไปโรงพยาบาลที่รักษาอยู่ประจำที่รักษาอยู่ ซึ่งใหญ่กว่า แต่คนไข้คิดว่าคงไม่มีหมอทางด้านนี้แน่ เพราะยังเช้า และเป็นวันอาทิตย์ด้วย จึงไปหาโรงพยาบาลเอกชนที่เดิมที่เคยไปหาช่วงแรก คุณหมอมา 8.00 น. จึงต้องรอ เมื่อคุณหมอมาก็ได้รักษาตามขั้นตอนต่างๆ จนทำให้เริ่มมองเห็นเล็กน้อยทางลานตา และต่อมาก็ได้เดินทางมารักษาต่อที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 2 พักรักษาตัวอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์และกลับบ้าน สามีได้เข้าอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยๆจึงพบข้อมูลการรักษาของคุณหมอสมเกียรติ
          วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 จึงไปพบคุณหมอสมเกียรติ ในขณะนั้น ลานตาทั้งหมดเริ่มมองเห็นแล้ว เป็นแต่เพียงจุดตรงกลางดวงตาซึ่งยังมองไม่เห็น คุณหมอจะนัดทุกอาทิตย์ จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2556 ทั้งหมด 6 ครั้ง เมื่อมองที่วัดสายตา อ่านตัวเลขก็พบว่าการมองเห็นดีขึ้นเรื่อยๆ
          วันที่ 6 มีนาคม 2556 ซึ่งเป็นอาทิตย์ที่ 4 ที่คุณหมอนัด มองผ่านที่ปิดตามีรูเล็กๆตรงกลาง มองเห็นแสงไฟสีส้ม อาทิตย์ต่อมา วันที่ 13 มีนาคม 2556 มองผ่านที่ปิดตาเช่นเดิม มองเห็นแสงไฟขาวขึ้นและสว่างขึ้น
          ต่อมาอีก 2 อาทิตย์ วันที่ 28 มีนาคม 2556 มองผ่านรูเล็กๆของที่ปิดตา มองเห็นเป็นรูปสี่เหลี่ยมของแผงไฟที่มีตัวเลข แต่ก็ยังไม่เห็นตัวเลข และทางลานตาก็มองเห็น สามารถอ่านตัวเลข 8 และ 5 ตัวใหญ่ด้านบนสุด และยังมองเห็นรูปลูกตาในเครื่องวัดความดันลูกตาได้บ้าง
          เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเองและขอรับรองว่าเป็นความจริง ขอขอบพระคุณ คุณหมอสมเกียรติ โรงพยาบาลเอกชัย มา ณ โอกาสนี้ด้วย
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
สุจารี พนมวัน ณ อยุธยา
29 มีนาคม 2556

7.นายถวิล เมฆจันทร์ อายุ 49 ปี อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา โทร.086-8268711
ประวัติ ตาซ้ายดับลงทันที ขณะกำลังทำงานขายกุ้งอยู่ จึงไปพบหมอตาที่คลินิค บอกรักษาไม่ได้ ให้ไปที่รพ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งก็รักษาด้วยยาบำรุงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ อาการไม่ดีขึ้น และแนะให้เข้าไปรักษาโรงพยาบาลใหญ่ๆในกรุงเทพฯ
          วันที่ 8 ตุลาคม 2556 ระดับการมองเห็น ตาขวา 20/70-1 มองผ่านรู 20/50 ตาซ้าย เห็นมือโบก ( Hm ), ตรวจพบ ตาซ้ายมี Cherry red spot ชัดเจน, ตาขวามี Macular degeneration ( Dry AMD ) และ เริ่มรักษาด้วยเทคนิคการนวดตา
          วันที่ 22 ตุลาคม 2556 ระดับการมองเห็น ตาขวา 20/70 มองผ่านรู 20/30+2 ตาซ้าย นับนิ้วได้ที่ 2 ฟุต
          วันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 ระดับการมองเห็น ตาขวา 20/70+1 มองผ่านรู 20/20-1 ตาซ้าย นับนิ้วได้ที่ 3 ฟุต
          วันที่ 17 ธันวาคม 2556 ระดับการมองเห็น ตาขวา 20/40-1 มองผ่านรู 20/20-1 ตาซ้าย 7/200
          วันที่ 14 มกราคม 2557 ระดับการมองเห็น ตาขวา 20/30-3 มองผ่านรู 20/20-1 ตาซ้าย 15/200
          วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 ระดับการมองเห็น ตาขวา 20/30-2 มองผ่านรู 20/20-1 ตาซ้าย 20/200+1

8.นายวัชระ ปวนชมภู อายุ 53 ปี 27 ที่อยู่ ม.17 บ่อแฮ้ว อำเภอเมือง จ.ลำปาง โทร.086-9195371
ประวัติ
          วันที่ 10 มกราคม 2557 ตาขวาดับทันที ขณะกลับมาจากการเล่นกีฬา ไปตรวจจักษุแพทย์ ที่ลำปางพบว่า หลอดเลือดแดงของจอประสาทตาอุตตัน จึงได้รับการส่งตัวไปรับการรักษาต่อที่ รพ. มหาราชเชียงใหม่ แพทย์รับไว้ตรวจร่างกาย สแกนสมองและหัวใจ
          พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 5 วัน แล้วแพทย์ให้คำตอบว่ารักษาไม่ได้
          วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 การมองเห็นตาขวาสายตาเลือนลาง 5/200 ตาซ้าย 20/20-3 เริ่มการรักษาด้วยการนวดตา
          วันที่ 9 เมษายน 2557 ระดับการมองเห็น ตาขวาดีขึ้นมาก 20/200 ตาซ้าย 20/20


หมายเหตุ จากตัวอย่างผู้ป่วยเหล่านี้ บ่งบอกว่า ทฤษฎีที่จักษุแพทย์ทุกวันนี้เชื่อจากตำราว่า โรคเส้นเลือดแดงจอประสาทตาอุดตัน ถ้าไม่ได้รับการรักษาภายใน 24 ชั่วโมง จะไม่มีประโยชน์นั้น ไม่จริงอีกต่อไปแล้ว และยืนยันสมมติฐานที่ผมสรุปเอาไว้คือ โรคเส้นเลือดแดง/เส้นเลือดดำของจอประสาทตาอุดตัน รวมทั้งโรคศูนย์กลางจอประสาทตาบวมน้ำ ล้วนเป็นผลพวงสืบเนื่องจากการกดทับของรอยฝ่อที่ขั้วประสาทตา ( Optic disc cupping ) ที่กระทำต่อระบบไหลเวียนเลือดภายในลูกตา ฉะนั้น เทคนิคการนวดตาที่ไปช่วยปรับสมดุลของระบบไหลเวียนเลือดภายในลูกตา จึงสามารถรักษาผุ้ป่วยให้การมองเห็นกลับคืนมาได้ การค้นพบทั้งหมดนี้เกิดจากจินตนาการบนพื้นฐานความรู้ทางด้านจักษุวิทยาแผนปัจจุบันทั้งสิ้น ไม่ใช่ได้มาจากการลองผิดลองถูกแบบโบราณที่จักษุแพทย์บางคนเข้าใจ

“ จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้ ( Imagination is more important than knowledge )“ วลีอมตะของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่ผมขอฝากให้จักษุแพทย์ที่แต่ละท่านมีสติปัญญาล้ำเลิศอยู่แล้ว ให้ฉุกคิดและเป็นกบที่กล้ากระโดดออกมาจากกะลา


ติดต่อ นพ. สมเกียรติ อธิคมกุลชัย
e-mail [email protected]


แก้ไขล่าสุด 17/09/2024

กลับสู่หน้าหลักงานวิจัยของน.พ. สมเกียรติ